๔๐|ขันติ-สัจจะ

สิ้นเกิดประเสริฐสุด
เราอยู่กับความไม่เที่ยง
ซึ่งมันเป็นอยู่แบบนี้
แต่จริงๆ แล้วมันเที่ยง
แต่เราว่าไม่เที่ยงเฉยๆ
คือเที่ยงธรรมของมัน มันเป็นอยู่แบบนี้
ใครจะให้ความสำคัญ
หรือไม่ให้ความสำคัญ มันก็อยู่แบบนี้
ตั้งแต่เรายังไม่เกิด ก็เห็นกันอยู่แล้ว
วันนี้ เราเตรียมตัวเข้าพรรษา
ทุกคนมีวิริยะ อุตสาหะ
จากบ้านเรือนมา จะลำบากแค่ไหน ก็พอใจ
เพราะเราเชื่อหลักธรรมคำสอน
ของพระพุทธเจ้า
เราต้องการสุคติภพเบื้องหน้า
เราต้องทุ่มเท
ไปสู่สุคติภพ ก็ยังทุ่มเทเหมือนกัน
ทั้งกลางวันกลางคืน เห็นไหม
เขาทำบาปทำกรรม
ก็ทุ่มเทมากมายกันขนาดนั้น
ทำความดี มีแต่พิธีรีตอง มีแต่กาลเวลา
มีแต่ฤกษ์ยาม
แต่ความไม่ดี ไม่เห็นมีฤกษ์มียาม
ความชิบหายวายป่วง
ความเจ็บไข้ได้ป่วยไม่เห็นมีฤกษ์ยาม
แบบนี้มันไม่ทันเขา ไม่ทันกิเลสตัณหา
เพราะกิเลสตัณหา มันไวกว่า
เราไปยึดแต่ของที่เป็นเปลือก
มันก็ได้แค่นั้นแหละ
เรามาสะสมความดี
ภพชาติจะได้สูงขึ้น สูงขึ้น
เรามาตรงนี้ แม้จะมีความยากลำบาก
แต่เรายินดีมา เพราะมีนิสัย วาสนา
เราต้องมีขันติ มีสัจจะ อย่าให้มันเสื่อม
เหมือนผลไม้ แม้มันจะหล่นจากต้น
มันก็ไม่เสื่อมจากรส จากชาติ
เหมือนมะนาว ขนุน น้อยหน่า
จิตใจ ก็ไม่ให้เสื่อมแบบนั้น
ถึงแม้สังขารร่างกาย
มันจะเสื่อม จะร่วงโรยไป
จิตใจ ก็ไม่ให้เสื่อม
ให้เป็นอุปนิสัย คือ ขันติ สัจจะ
สุดท้าย แม้ชีวิตก็สละได้ เพื่อธรรม
เมื่อเข้าสู่เส้นทางธรรมแล้ว จะไม่กลัว

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *