๖๒|แข็งแบบทิฏฐิมานะ

สิ้นเกิดประเสริฐสุด
จิตใจเราถ้ามีกิเลสตัณหาหุ้มห่ออยู่
ก็จะไม่มีหลักใจ
จิตใจก็จะอ่อนแอ ไม่แข็งแกร่ง
ถ้าแข็ง ก็แข็งแบบทิฏฐิมานะ
ท่านจึงว่าไม่มีหลักจิตหลักใจ
แต่ถ้ากิเลสตัณหามันหลุดลอยออกไป
จิตใจก็จะแข็งแกร่ง
ไม่กลัวเป็นกลัวตาย ไม่กลัวลำบาก
เพราะท่านให้ศึกษาความลำบากอยู่แล้ว
เราลำบาก ตั้งแต่เกิดจนตาย
ท่านจึงให้พิจารณาความลำบาก เป็นหลัก
เรียกว่าทุกข์ เห็นกันอยู่ รู้กันอยู่
ทุกข์กาย ทุกข์ใจ
เราอาศัยบุญ อาศัยกรรม
ผลักไสให้ไปเกิดในที่ต่างๆ
ซึ่งมันฝังอยู่ที่จิตที่วิญญาณเรานั่นแหละ
เราจะแก้เวลาไหน ถ้าไม่แก้เวลานี้
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม
คนมีหลายประเภท
สงเคราะห์ไม่ขึ้นก็มีเยอะแยะ
ไม่ใช่ธรรมดา
พิจารณาดู ยังไม่ตายก็เห็นกันอยู่
ไม่ต้องพูดถึง เมื่อตายไปแล้ว
เราไม่เปิดจิตเปิดใจ รับอรรถรับธรรม
ปิดตัวเอง ด้วยทิฏฐิมานะ
ให้ลดให้ละทิฏฐิมานะตั้งแต่เดี๋ยวนี้
อย่าไปถือโทษโกรถเคืองกัน
ไม่เกิดประโยชน์
มีแต่เกิดโทษ เอาไปฝังจิตฝังใจเจ้าของ
กี่ปี ที่เดือน กี่รพ กี่ชาติ
ก็อยู่อย่างนี้ตลอด
ไม่มีใครเกินกัน ความรู้สึกนึกผิด
แต่มันหยาบ มันละเอียดต่างกัน
ปล่อยวาง ได้มาก ได้น้อยต่งกัน
เป็นเรื่องของเราที่จะวิเคราะห์
เรื่องศีล เรื่องธรรม ก็เหมือนกัน
ให้มันซึมชับ ถึงจิตถึงใจจริงๆ
ให้มันซึมชับ
เข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธเจ้า
ถ้ามันซึมชับแล้ว มันเป็นไปเอง
ถ้ามันซึมชับเข้าจริงแล้ว
มันจะไม่คล้อยตามกระแสโลก
ม่ยินดียินร้ายกับเรื่อง
โลกวัชชะทั้งหลาย
เพราะมันมีอยู่แบบนี้ตลอด
ขอให้อรรถธรรมเกิดขึ้นภายในจิต
ในใจเราจริงๆ
จึงจะเป็นประโยชน์มาก
ให้วิเคราะห์เอา ศึกษาเอา
อยู่ใกล้อยู่ไกลก็เสียสละมา
เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา
เพราะอยากได้บุญได้กุศล
๒๗ ส.ค. ๒๕๕๗ ก่อนฉันจังหัน

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *