
ถึงทางใจยังไม่เป็นไปก็ตาม
เหมือนเราทำอาหาร
เราเอาใส่หม้อไว้แล้ว แต่ยังไม่สุก
รอแต่ให้มันสุก ให้เร่งไฟเข้า
อันนี้ให้เราเร่งสติปัญญาเข้า ให้ถี่ถ้วนขึ้น
กายเราเข้าวัดฟังธรรมแล้ว เหลือแต่ใจที่นี้
เร่งตัวนี้เข้า มันก็จะเห็นผล
เหมือนเราเตรียมอาหารใส่หม้อ
ตั้งใส่เตาไว้แล้ว
เหลือแต่เร่งไฟอย่างเดียว
เหมือนเรายังขาดสติ
ยังไม่เป็นธรรมได้
ยังไม่เป็นความเพียรได้
ถึงว่า สตินี้สำคัญ
ปัญญาอันนี้ อันที่สอง
เหมือนอาหารสุกแล้ว แต่ขาดรสชาติ
อันนี้มีสติดี แต่ขาดปัญญา
ปัญญา ทำให้พันทุกข์
มีสติ เป็นผู้ควบคุม
นั่นหละเป็นเรื่องของเราที่จะวิเคราะห์
ของใครของมันไม่มีใครทำให้กันได้
โลกหน้าแบ่งสันปันส่วนกันไม่ได้
ไม่เหมือนโลกนี้ พอใจให้กันได้
วัตถุข้าวของ
ไม่พอใจ ให้กันไม่ได้
โลกหน้าไม่มีวัตถุข้าวของเข้ามาเกี่ยวซ้อง
มีแต่เรื่องนามธรรมล้วนๆ
เป็นเรื่องของจิตเท่านั้น
ท่านจึงให้ฝึกแต่เดี๋ยวนี้
แก้แต่เดี๋ยวนี้ ปล่อยวางแต่เดี๋ยวนี้
ถ้าเราปล่อยวางได้แต่เดี๋ยวนี้
อนาคต ก็ไม่ต้องไปห่วงมัน
ให้ปล่อยวางสิ่งที่ไม่ดีออกไป
เราติดสังขาร ติดทุกข์ทางกาย ทางใจ
ติดวัตถุข้าวของ
เราก็ติด ก็ข้อง
อยู่กับพวกนี้ในทางนามธรรม
ท่านจึงให้เราฝึก ให้ปล่อย ให้วาง
ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
๙ ส.ค. ๒๕๕๗ ก่อนสวดมนต์เย็น